14 ตุลาคม, 2551

ภาษาญี่ปุ่นสนุกจัง

พี่เป็น PR ของเจ เลิร์นนิ่งนะคะ  พี่เองก็ได้เรียนภาษาญี่ปุ่นเหมือนกันนะ  ตอนแรกที่เรียนพี่คิดว่าต้องเรียนไม่ได้แน่เลยเพราะพี่ดูเหมือนว่ามันจะยากกกกมากกกก แต่พอเรียนๆๆไปมันก็ยากจริงๆแหละ ก็ภาษาญี่ปุ่นมันไม่ใช่ภาษาพ่อภาษาแม่อะนะ ตัวอักษรญี่ปุ่นก็จำไม่ค่อยได้ เวลาจะพูดก็จำคำศัพท์ไม่ได้อีก

มันน่าเศร้าใจไหมล่ะคะ ก็แหมพี่ไม่ค่อยได้ทบทวนสักเท่าไหร่ เพราะพี่มัวแต่ทำงาน เลิกก็เหนื่อยแล้ว  จริงๆแล้วต้องทบทวนทุกวันนะคะมันถึงจะเข้าสมอง     ( อย่าเลียนแบบพี่นะ ไม่ดีๆๆ ) แต่เวลาเรียนพี่ตั้งใจเรียนนะไม่ได้โม้  แต่ก็อ่ะนะ มันต้องทบทวนอ่ะพี่เรียนวันนี้จำได้ พรุ่งนี้ลืมและ  ( เหมือนปลาทองเลยเรา อิอิ )  มีอีกเรื่องพี่เองก็ฟังเซนเซออกนะ ( บางคำ 555 ) ไม่เสียแรงที่อุตส่าห์ไปร่ำเรียนมา พี่ชอบภาษาญี่ปุ่นมานานแล้ว ชอบประเทศ และวัฒนธรรม พี่ว่าของๆเค้าแปลกดีนะ น่าสนใจ น่าที่จะเรียนรู้เพิ่มเติม สำหรับน้องๆที่สนใจรียนภาษาญี่ปุ่น เจเลิร์นนิ่งพร้อมที่จะให้คำปรึกษานะค่ะ

                                                                   deaw

                                                       PR.เดียว デイオณ J'Learning

อักษรญี่ปุ่นมันมาจากไหน

ก่อนพ.ศ. 900 ภาษาญี่ปุ่นไม่มีระบบการเขียนเป็นของตนเอง หลังจากนั้น เริ่มปรับปรุงอักษรจีนมาใช้ คาดว่าผ่านมาทางเกาหลี ครั้งแรกภาษาญี่ปุ่นเขียนด้วยอักษรจีนโบราณ หรือรูปแบบผสมระหว่างจีนกับญี่ปุ่น ตัวอย่างของรูปแบบผสมเช่นโกจิกิ (kojiki:บันทึกประวัติศาสตร์) เขียนเมื่อ พ.ศ. 1255 พวกเขาเริ่มใช้รูปแบบอักษรจีนเขียนภาษาญี่ปุ่น ในรูปอักษรพยางค์ใบไม้หมื่นใบ (man'yōgana)

เมื่อเวลาผ่านไป ระบบการเขียนเป็นแบบใช้อักษรจีนเขียนคำยืมจากภาษาจีน หรือคำใหภาษาญี่ปุ่นที่มีความหมายใกล้เคียงกัน รูปแบบอักษรจีนยังใช้แทนการออกเสียงในการเขียนไวยากรณ์ และต่อมากลายเป็นอักษรแทนพยางค์ 2 ชนิดคือ ฮิระงะนะ และคะตะคะนะ วรรณคดีญี่ปุ่นปรากฏขึ้นเมื่อราว พ.ศ. 1600 เช่น เรื่องเล่าแห่งเคนจิ โดย มูราซากิ ชิกิบุ

ภาษาญี่ปุ่นสมัยใหม่เขียนด้วยรูปแบบผสมของฮิระงะนะ คะตะคะนะร่วมกับคันจิ หนังสือสมัยใหม่จะรวมโรมาจิ (อักษรโรมัน) ซึ่งเป็นรูปแบบมาตรฐานสำหรับการเขียนภาษาญี่ปุ่นด้วยอักษรโรมัน คำที่ไม่ใช่ภาษาญี่ปุ่นเขียนด้วยอักษรของภาษานั้นหรือหรือสัญลักษณ์ที่เรียกคิโกะ (kigō )

อ่านกันแล้วอาจจะมีงงๆบ้างแต่ไม่เป็นไรนะคะจะสรุปให้ฟังว่า อักษรญี่ปุ่นจะดัดแปลงมาจากภาษาจีน ไม่ว่าจะเป็นตัวฮิระงานะ ( ひらがな )  คะตะคะนะ          ( カタカナ)  หรือว่าคันจิ ( 漢字 )  ตัวคันจิส่วนใหญ่นั้นจะเลียนแบบลักษณะของสิ่งต่างๆ เช่น  魚 อ่านว่า sakana แปลว่าปลา ซึ่งจะสังเกตเห็นว่า ส่วนบนเป็นหัวปลา ส่วนกลางเป็นตัวปลา  ส่วนล่างเป็นหางปลา  และยังมีอีกหลายคำเลยที่เลียนแบบลักษณะต่างๆ 

เห็นไหมว่าภาษาญี่ปุ่นน่ะน่าเรียนแค่ไหน  เราสามารถใช้เทคนิคตรงนี้เป็นการจำตัวคันจิก็ได้  ภาษาญี่ปุ่นดูเหมือนว่าอาจจะยากมาก แต่ว่าถ้าได้มาเรียนแล้วอยากบอหว่าสนุกมากๆ 

พยายามดูนะคะ เพราะไม่มีใครเกิดมาแล้วเก่งทุกอย่างหรอก  ทุกอย่างจะเก่งได้ต้องฝึกฝนบ่อยๆค่ะ พี่เองก็ไม่ได้เก่งอะไรเพราะพี่เองก็กำลังฝึกปรือภาษาญี่ปุ่นอยู่เหมือนกัน  สู้ๆๆๆๆๆๆๆ がんばって......

 

                                                                             ple

                                                                      Plely` ณ  เจ เลิร์นนิ่ง

13 ตุลาคม, 2551

คำว่า ญี่ปุ่น เข้ามาในหัวเราตอนไหน?

เกริ่น... みんなさん こんにち (มินนะซัง คอนนิจิวะ) พยายามจะ ญี่ปุ่น ซะหน่อย ..ทุกครั้งที่ได้มีโอกาศพูดคำนี้ ยังมี เสียงแอบงงอยู่ในหัวว่า สวัสดีตอนเที่ยง หรือบ่าย หว่า? ถ้าเป็นคนไทยเราก็จะพูดกันว่าอยู่ทุกวันว่า สวัสดีครับ สวัสดีค่ะ นั่นละจบ

รอบๆตัว ... ลองมองดูรอบๆตัวมี พี่ๆ น้องๆ ญี่ปุ่น รอบล้อมอยู่มากมาย ตั้งแต่ลืมตาตื่นมาเห็นคำว่า SEIKO ติดอยู่ที่น้าปัดนาฬิกาที่แขวนอยู่ที่ฝาผนัง หรือของใครCACTYB0Tจะเป็น Casio ก็ไม่ผิด ลุกโงนเงนไปเปิดทีวี 14" นิ้ว (ยังมีคนใช้อยู่ด้วยหรอ) ยี่ห้อ Panasonic หรือที่เมื่อก่อนเราคุ้นกับชื่อ National  ซึ่งมีตั้งแต่ถ่านไฟฉาย ยัน ตู้เย็น(เท่าที่นึกออก) นี่แค่ในห้องเล็กๆของตัวเอง ทันทีที่ก้าวออกไปสู่โลกภายนอกเราก็จะเจอกับกองทัพ ผลิตภัณต์จากญี่ปุ่นเป็นขโยง Honda,Toyota,Yamaha,Toshiba, ฯลฯ
จะบอกว่าชีวิตเราเกี่ยวข้องกับ ญี่ปุ่น มาตั้งแต่อ้อนแต่ออกก็คงไม่ผิด แต่ครั้งแรกกับคำว่า ญี่ปุ่น ของเรา มันมาจากอะไรกัน ?

ย้อนนึก .. ภาพแรกที่ย้อนนึกกลับไปเห็นได้ก็คือ ฮีโร่ยอดมนุษย์ต่างๆ จีบัน อูลตร้าแมน และไอ้มดX  เซนต์ไซย่า และขบวนการมนุษย์ 5สี 3สี ต่างๆ ที่จำชื่อไม่ได้แล้วranger   aunpun CAOP83S7      เพราะมันเยอะเหลือเกิน (และ เด็กแก่แดดที่น่ารัก อย่าง ชินจัง) ตอนที่ดูตอนนั้นก็เริ่มรู้จักคำว่า ญี่ปุ่น เลาๆจาก พ่อ  แม่ แล้วว่า ไอ้พวกนี้ คือ ญี่ปุ่น นั่นละ ตอนนั้นเราก็จะเริ่มคิดว่า " ญี่ปุ่น นี่ดีเน๊อะ!! " น้อยคนที่จะไม่เคยรู้สึกแบบนั้น ยิ่งโตขึ้นเราก็จะได้รู้จักกับ ได้ใกล้ชิด กับคำว่า ญี่ปุ่น มากขึ้นตลอด ไม่เชื่อก็ลองมองดูรอบๆตัวเราดูสิ !!!

 
แล้วคนอื่นๆล่ะ เริ่มรู้รักคำว่า ญี่ปุ่น จากอะไรกันบ้าง พอจะนึกออกกันไหม...?

                                                                             p 
                                                                          P'Tsuke ณ J'Learning

เนื่ยแหละน้าภาษาญี่ปุ่น

ถ้าพูดถึงภาษาญี่ปุ่นที่เคยเรียนมาน่ะหรอ เอ ถ้าจะถามว่าเป็นยังไงบ้าง ก็อยากจะบอกว่าสนุกดีอยู่นะเวลาเรียน แต่เวลาสอบดิทำไมทำไม มันฟังไม่ค่อยจะทันไม่เท่าไหร่ฟังไม่ค่อยจะออกด้วย 555 แต่โดยส่วนตัวแล้วก็ชอบเรียนนะภาษาญี่ปุ่น สนุกดี ตอนแรกที่เรียนก็ชอบเจ้าตัวอักษรกลมๆ น่ารักๆ นั่นแหละ อยากจะเขียนเป็นกะเค้าบ้าง หุหุ แต่พอมาเรียนจริงเจ้าตัวอักษรกลมๆ น่ารักๆ พวกนั้นทำเอามึนไป 10 ตลบ กว่าจะจำครบหมด เพราะมันดันไม่ได้มีแค่ 10 20 ตัวน่ะซิ ดันมีตั้ง 46 ตัว พอๆกับภาษาไทยเลย แถมยังผ่ามีตั้ง 2 แบบ แยกเป็นแบบถ้าจะเขียนคำญี่ปุ่นต้องใช้เจ้าฮิราคานะ แต่พอจะเขียนคำที่มาจากภาษาต่างประเทศ ก็ต้องใช้เจ้าคาตาคานะ เป็นไงหล่ะ มึนดีมั้ย ยังไม่พอเวลาที่เราจะเขียนจริงๆ เค้าดันใช้คันจิเขียนกันซะงั้น เจ้าตัวอักษรภาษาจีนแต่อ่านแบบญี่ปุ่นนั่นแหละ หึหึ นี่แหละมรสุมขั้นแรกในการเริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่นเลย แต่พอผ่านมรสุมตรงนี้ไปได้ คราวนี้ก็จะสบายไปครึ่งทาง เพราะเราจะสามารถอ่านออกและเขียนได้ แต่ไม่สามารถฟังออกพูดได้ 555 เพราะไม่รู้ความหมายและหลักไวยกรณ์ของมันเหอๆ รู้สึกเหมือนไม่รู้อะไรเลยมากกว่ากะอีแค่อ่านออกเขียนได้มันจะไปทำไรได้ พูดก็ไม่ได้ ฟังก็ไม่ออก ไม่จริงๆ ถ้าเราไม่ท้อเรียนต่อไป การอ่านได้ของเราจะเป็นประโยชน์กับเราอย่างมาก จะทำให้เราอ่านคำศัพท์ออก อ่านประโยคที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ เห็นมั้ยว่าแค่นี้ก็ทำให้เราสามารถพูดภาษาญี่ปุ่นประโยคง่ายๆ หรือประโยคไหนก็ตามที่อยากพูดได้แล้วเพราะเราสามารถอ่านภาษาญี่ปุ่นออก เราสามารถอ่านประโยคที่มีคำแปลแล้วนำมาใช้พูดได้ ทำให้การเรียนภาษาญี่ปุ่นของเราง่ายขึ้นด้วย เห็นข้อดีของการอ่านออกแล้วใช่ม้า ถ้างั้นเรามาเรียนตัวอักษรภาษาญี่ปุ่นกันเถอะ  日本語をべんきょうします.

meaw

                                                                                        PR มะเหมี่ยว

อาหารญี่ปุ่น

มีอยู่คืนหนึ่งได้ดูรายการ MAKI  Restaurant เป็นรายการเกี่ยวกับอาหารญี่ปุ่น รายการนี้เค้าจะพาไปร้านอาหารต่างๆที่ได้รับความนิยมในญี่ปุ่น วันนั้นที่ดูมันเกี่ยวกับเมืองโอซาก้า คือ คิดว่าอาหารชนิดใดจะเป็นอาหารประจำเมืองโอซาก้าระหว่างโอโนโคะมิยากิ กับ ทะโกะยากิ  ลองทายดูสิว่าสรุปแล้วมันคืออะไร  ทายไม่ถูกล่ะสิ ตอนแรกเราก็ทายไม่ถูกเหมือนกัน  เพราะว่าเค้าจะมีกรรมการตัดสินด้วยมีดารา และประชาชนทั่งไปในห้องสตูดิโอ  อยากบอกว่าน่ากินมากกกกกก  ร้านที่ทำอาหารพวกนี้เค้ามาทำให้ดูไม่ว่าใครที่เห็นก็ต่างท้องร้องไปตามๆกัน คนที่เคยเข้าข้างโอโนโคะมิยากิ ก็ย้ายฝั่งมาอยู่ทะโกะยากิ  แล้วบางทีก็ย้ายกันไปย้ายกันมา จนสุดท้ายแล้วความเห็นส่วนใหญ่เลือกทะโะยากิ

คนที่ได้กินเป็นพิธีกรนะ  คนที่ดูก็ดูไปไม่ได้กินเลย  เพื่อนๆคงจะเคยได้กินกันแล้วอร่อยป่ะล่ะ?  ทะโกะยากิที่ญี่ปุ่นมีอยู๋ร้านหนึ่งไอเดียเจ๋งมากธรรมดาเค้าจะใส่ภาชนะกระดาษใช่ไหม?แต่ที่นี่เขาใช้ถ้วยซึ่งสามารถใส่ได้ทั้งทะโกะและน้ำดื่ม เจ๋งดีจริงๆ ส่วนร้านที่ขายโอโนโคะมิยากินั้นเค้าไม่ได้ทำแบบกลมๆ แค่เค้าทำเป็นรูปทรงเรขาคณิต นอกจากนี้ยังมีเป็นโซบะโอโนโคะมิยากิอีกคือเอาเส้นโซบะมาวางบนโอโนโคะมิยากิ (คิดได้ไง)  ถ้ามีเรื่องอะไรน่าสนใจอีกจะนำมาลงให้อ่านอีกนะคะ

 

อยากบอกว่าวันนั้นที่ดูน่ากินมากเลยอ่ะ  อยากกินทั้งสองอย่างเลย  วันนั้นก็เลยไปกินทะโกะยากิที่ร้านอาหารญี่ปุ่นยาโยอิ แถวเดอะมอลล์งามวงศ์วาน ก็อร่อยดีนะ 55555 

 

PR อ้อ レイコ aor

ช้อนปลาทอง

เพื่อนๆคงเคยเห็นการช้อนปลาทองกันมาบ้างแล้วนะคะ  จะเห็นได้ตามงานวัดของญี่ปุ่น  ใครช้อนได้ปลาตัวไหนไปก็เอาไปเลย  แต่ว่าช้อนยากมากๆๆๆๆ  ส่วนใหญ่แล้วจะได้ยาก เพราะกระดาษจะขาดเสียก่อน  ที่ญี่ปุ่นเค้ามีการแข่งขันช้อนปลาทองด้วยนะ แต่ละคน  แหม! ประสบการณ์โชกโชนกันมาทั้งนั้น มีทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่มาแข่งกัน ส่วนใหญ่แล้วก็จะได้ประมาณ 20 ตัว ไอ้ที่ได้มากก็ 42 ตัว (ทำได้ไง?) บางคนนะกระดาษขาดไปแล้วยังสามารถใช้ขอบกระชอนช้อนปลาได้อีก เก่งจริงๆ  เป็นเรานี่ไม่รู้ว่าจะได้ซักตัวหรือปล่าว อิอิ  เราคิดว่าถ้าคนพวกนี้ไปร้านไหนเจ้าของร้านเจ๊งแน่ๆ 555   พวกเด็กๆจะชอบมากเลย  แต่ก็มีพ่อค้าหัวไส (น่าไสหัวไปไกลๆจริงๆ) บางคนที่ใช้กระดาษที่มันขาดง่าย แค่โดนน้ำก็ขาดแล้ว  คิดดูนะคะลำพังแค่ช้อนปลาธรรมดายังยากแล้วนี่ยังมาขี้โกงอีก โอ้! มันน่าพังร้านนั้นจริงๆ  เข้าเรื่องดีกว่า อิอิ  การช้อนปลาทองภาษาญี่ปุ่นเค้าเรียกกว่า 金魚(きんぎょ)すくい  อุปกรณ์สำหรับช้อนปลา  นั่นคือ กระชอนตักปลา  ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า ポイちゃん  แต่ต้องเป็นกระชอนที่ใช้กระดาษด้วยนะคะ  ถ้าตักแรงเกิน กระดาษก็ขาด และถ้าชายหญิงที่มาเดตกันต้องให้ฝ่ายหญิงเป็นคนซื้อที่ช้อนปลาทองนะ ถ้าให้ฝ่ายชายซื้อคนขายก็จะขายที่กระดาษบางๆ  แล้วเพื่อนๆเคยเล่นหรือปล่าวน่าสนุกดีนะ

                                                                 PR. อ้อ レイコ aor